ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ | |
ความใฝ่ฝันของนักเรียนศิลปะทุกคน คือ การแสดงงาน มันหอมหวาน ดึงดูดใจ และท้าทาย เป็นความภาคภูมิใจ เป็นเกียรติประวัติ เพื่อหน้าสูจิบัตรจะได้บันทึกไว้ ซึ่งประวัติการแสดงงานของตน และเป็นบันใดขั้นแรกอันจะนำไปสู่หนทางแห่งการสร้างสรรค์ศิลปะอันยาวไกล จะยากลำบากเพียงใด อุปสรรคมากน้อยแค่ไหน ขอเพียงสักครั้ง เพื่อการแสดงงาน เงื่อนไขของการจัดนิทรรศการในวันนี้ ต่างไปจากอดีต ศิลปินหน้าใหม่ต้องช่วยเหลือตัวเอง เพราะมักไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถานที่เหมือนแต่ก่อน เปอร์เซนต์ที่หักจากการขายงานมีสัดส่วนสูงขึ้น ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านสิ่งพิมพ์เอง คือ สูจิบัตร บัตรเชิญ โปสเตอร์ ทั้งกรอบรูป ค่าจัดเลี้ยงวันเปิดงาน ค่าแอร์ ค่าไฟ ค่าบอร์ด ค่าล่วงเวลาพนักงาน และอื่น ๆ ตามแต่ตกลงในแต่ละที่ ทั้งหอศิลของทางราชการ และเอกชน ก็มีเงื่อนไขใกล้เคียงกัน อาจ แตกต่างกันบ้างในรายละเอียดปลีกย่อย ตามแต่ชื่อเสียงของศิลปิน กระแสสังคมแบบวัตถุนิยมส่งผลให้งานศิลปะดูเหมือนเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง การประเมินคุณค่าถูกตัดสินด้วยยอดจำหน่าย ซึ่งเป็นคนละเรื่องเดียวกันกับคุณค่าทางสุนทรียะ เพื่อสานฝันนุกูล พู่กลั่น กับ ชัยยันต์ จงจงประเสริฐ จับมือกัน กัดฟันแบกรับภาระค่าใช้จ่าย ทั้งการเตรียมงานส่วนตัว ค่าเช่าสถานที่อันแพงลิบลิ่ว เพื่อนำเสนอผลงานของตน ที่พากเพียรสร้างไว้ สองจิตรกรสีน้ำ จบจากรั้วเพาะช่าง ต่างวัยแต่อาชีพเดียวกัน รับราชการครูเป็นอาจารย์ประจำคณะศิลปะหัตกรรม และคณะวิจิตรศิลป์ อาจารย์นุกูล พู่กลั่น สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา อาจารย์ชัยยันต์ จงจงประเสริฐ สอนที่วิทยาลัยศิลปหัตกรรม นครศรีธรรมราช์ ทั้งสองรักการวาดสีน้ำ แม้การวาดภาพจะเป็นงานรองจากอาชีพครู แต่ทั้งคู่ก็ทุ่มเท มีเวลาให้การเขียนภาพเสมอไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ก็มักจะมีผลงานติดมือกลับมา เมื่อได้แสดงงาน การแสดงงานให้ผลดีอย่างยิ่งต่อการทำงาน ให้ได้ทบทวน สิ่งที่เคยทำไว้ ทั้งด้านเทคนิค วิธีการ และแนวคิดต่องานศิลปะ ห้องนิทรรศการที่ดู เงียบเหงา มีกลิ่นหอมบางบางจากช่อดอกไม้แสดงความยินดี บรรยากาศที่เงียบสงบแบบห้องแสดงงานให้โอกาสกับเจ้าของงานได้อยู่กับงานของ ตัวเองอย่างแท้จริง มองหาข้อดีข้อด้วยของการทำงานที่ผ่านมา และเมื่อมีผู้พลัดหลงเข้ามาชมงาน ก็จะมีเรื่องราวพูดคุยแลกเปลี่ยน ทั้งเสนอแนวคิดในการทำงานของตน และรับฟังข้อคิดเห็น ความรู้สึกจากผู้เข้าชม สมุดเซ็นต์เยี่ยม ดูเป็นสิ่งมีความหมาย ไม่เบื่อหน่ายที่จะพลิกอ่าน ช่วงเวลาของการแสดงนิทรรศการ ผ่านไปทีละวัน ไฟส่องภาพ และเครื่องทำความเย็น ถูกปิด และเปิดเมื่อถึงเวลา ประตูทางเข้าที่มีผู้คนเข้าออก ตั้งแต่วันแรกจวบวาระสุดท้ายใกล้เข้ามา ความเหน็ดเหนื่อยจากไปเมื่อความเบิกบานใจเข้ามาแทนที่ และความวาดหวังที่จะมีผู้ชมติดสติกเกอร์แดงบนภาพ ก็เร้าให้ใจเต้นเร็ว กว่าจังหวะเดิมของมัน ภาวะความกดดันคืบคลานเข้ามา ช่อดอกไม้วันเปิดงานค่อยเหี่ยวเฉาลง ภาระที่หาญรับในเบื้องต้น ปรากฏตัวชัดขึ้น และมันคือความจริง ที่มีตัวเลขเป็นหลักฐานยืนยัน ทั้งผู้แสดง และผู้ให้แสดง ก็หวังอยู่ในใจ ดัง ๆ ว่า 10 วัน แสดงภาพที่ที่จบสิ้นลง ภาพที่ขนกลับจะมีจำนวนน้อยลง คงมีรายรับมาหักรายจ่ายอย่างเพียง และความงดงามของแผ่นภาพก็ไม่อาจต่อรองผลัดผ่อนกับค่ากรอบของตัวมันได้ เมื่อประตูทางเข้าถูกปิดเป็นครั้งสุดท้ายก็หวังเพียงให้ความดีงาม จากการงานที่ทุ่มเท คุณค่าแห่งงานศิลปะปกป้องศิลปินหน้าใหม่ ให้ปลอดภัย มีกำลังใจ และความบันดาลใจที่จะสร้างงานต่อไปตามทิศทางของตน เพื่อตัวเอง เพื่อศิลปะ เพื่อความภาคภูมิใจอันแท้จริง กับการได้ทำงานศิลปะ ที่ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายราคาให้ใคร""""""""ขอบคุณ เป้ สีน้ำครับ |
nukup
เที่ยว..ดูของสวย แล้ว เก็บมา เล่า..
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ
วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สวนสราญรมย์วันนี้
เดิมสวนสราญรมย์เป็นเขตพระราชอุทยานของพระราชวังสราญรมย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2409 สวนสราญรมย์ก่อสร้างขึ้นในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. 2417 ตามคำแนะนำของเฮนรี อาลาบาศเตอร์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มิสเตอร์เฮนรี อาลาบาศเตอร์ เป็นผู้ออกแบบและจัดสร้างสวนพฤกษศาตร์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ เมื่อเสด็จไปที่ใด พบพันธุ์ไม้แปลกๆ ก็ทรงโปรดให้นำมาปลูกเพิ่มเติมที่สวนสราญรมย์อยู่เสมอ
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวใช้เป็นสถานที่จัดงานฤดูหนาว ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้กับรัฐบาล ใช้เป็นที่ทำการของคณะราษฎร

พระราชวังสราญรมย์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ออกแบบโดย เฮนรี อาลาบาศเตอร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2409 โดยมีเจ้าพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (เพ็ง) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อใช้เป็นที่ประทับ พระราชทานนามว่า สราญรมย์ แต่เสด็จสวรรคตก่อนที่จะสร้างเสร็จ (ขอบคุณขอมูลจากวิกิพีเดีย )
วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เที่ยวเกาะแก่งใน ลาวใต้
นางแบบกับฉากแก่งหลี่ผ๊
น้ำตกหลี่ผี (แก่งหลี่ผี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ตามสัมพะมิตร อยู่ในเขตดอนกอน เกิดจากน้ำที่ไหลผ่านโขดหิน แก่งหิน
น้ำตกหลี่ผี (แก่งหลี่ผี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ตามสัมพะมิตร อยู่ในเขตดอนกอน เกิดจากน้ำที่ไหลผ่านโขดหิน แก่งหิน
คนส่วนมากจะคุ้นเคยกับชื่อหลี่ผี เพราะ มีตำนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับหลี่ผี และความอุดมสมบูรณ์
' หลี่' คือ อุปกรณ์จับปลาชนิดหนึ่ง ส่วนคำว่า 'ผี' หมายถึง คนตาย เนื่องจากร่้องน้ำของน้ำตกหลี่ผี มีกระแสน้ำไหลมารวมตัวกันมาก จนเกิดเป็นแอ่งขนาดใหญ่ น้ำจะไหลวนไปวนมาในแอ่งนั้นแล้วค่อยตกลงไปผ่านซอกและหลืบหิน ทำให้ศพทหารอินโดจีนติดกับหลี่ของชาวบ้านแถวนั้น น้ำตกแห่งนี้จึงมีชื่อว่า'หลี่ผี'
วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ประสาทวัดภู ที่น้องภูไม่ได้ไป 3
ศาลา เดิมเป็นโคปุระรูปสี่เหลี่ยมโล่ง ไม่มีประตู สร้างใกล้กับบาราย สันนิษฐานว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินมานมัสการพระศิวะ จะต้องเข้ามาโดยใช้เรือ แล้วมาขึ้นที่อาคารนี้ ในปัจจุบัน ถูกรื้อลงมาแล้วสร้างอารสมัยใหม่ขึ้นทับของเดิม เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว ที่ทรงพระราชดำเนินมานมัสการวัดพูเมื่อ พ.ศ. 2508 โรงท้าว โรงนาง หรือหอเปลื้อง เป็นอาคารลักษณะเหมือนตัวยู โดยมีทางเข้าด้านหลัง 1 ด้าน และทางออก 2 ด้านทางหน้า มีอาคารอีกหลังสร้างบังด้านหน้าเป็นรูปตัวไอ โดยมีทางเข้า เข้าด้านหน้า 1 ด้าน และทงออก 2 ด้าน ทางหลังทางออกจะตรงกันกับอาคารด้านหลังรูปตัวยูพอดี อาคารทั้งสองจะเหมือนกัน
เทวสถาน อาคารของเทวสถานนั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีทางเข้าสามประตูด้านหน้า และอีกสองประตูด้านข้างซ้ายและขวา สองข้างอาคารเทวสถานซึ่งตามแผนผังจริงๆ จะเป็นหอคัมภีร์หรือห้องสมุด แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 1 หลังซึ่งอู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งในครั้งนี้ บริเวณปราสาทวัดพูนี้ เป็นวัดในพุทธศาสนานั้น ทางวัดได้รื้อหอพระคัมภีร์ทางด้านขวาลง และสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ อาคารเทวสถานนี้ มีลวดลายของทับหลังที่สวยงาม และเด่นชัดทุกด้าน โดยที่ยังคงสวยงามมากแห่งหนึ่งในแถบนี้ ภายในอาคาร ได้มีการสร้างพระพุทธรูปไว้เคารพสัการะเมื่อครั้งยังเป็นวัด
หินสกัดรูปจระเข้ เกี่ยวข้องกับการบูชายันต์
รูปตรีมูรติ ซึ่งเป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่แบ่งแยกให้เห็นว่า ในศิวลึงค์นั้นประกอบไปด้วยเทพ 3 องค์นี้ คือ พระพรหมผู้สร้าง พระนารายณ์ผู้รักษา และพระศิวะผู้ทำลาย (จบแค่นี้พอสังเขปคราวหน้าว่ากันใหม่นะครับ) และขอขอบคุณข้อมูลจาก guideubon.com ครับ
เทวสถาน อาคารของเทวสถานนั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีทางเข้าสามประตูด้านหน้า และอีกสองประตูด้านข้างซ้ายและขวา สองข้างอาคารเทวสถานซึ่งตามแผนผังจริงๆ จะเป็นหอคัมภีร์หรือห้องสมุด แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 1 หลังซึ่งอู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งในครั้งนี้ บริเวณปราสาทวัดพูนี้ เป็นวัดในพุทธศาสนานั้น ทางวัดได้รื้อหอพระคัมภีร์ทางด้านขวาลง และสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ อาคารเทวสถานนี้ มีลวดลายของทับหลังที่สวยงาม และเด่นชัดทุกด้าน โดยที่ยังคงสวยงามมากแห่งหนึ่งในแถบนี้ ภายในอาคาร ได้มีการสร้างพระพุทธรูปไว้เคารพสัการะเมื่อครั้งยังเป็นวัด
- นอกจากจะพบกับระเบียงคตด้านหลังที่เป็นรูปตัวยู ยังมีโบราณวัตถุให้ชม ประกอบด้วย
หินสกัดรูปจระเข้ เกี่ยวข้องกับการบูชายันต์
รูปตรีมูรติ ซึ่งเป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่แบ่งแยกให้เห็นว่า ในศิวลึงค์นั้นประกอบไปด้วยเทพ 3 องค์นี้ คือ พระพรหมผู้สร้าง พระนารายณ์ผู้รักษา และพระศิวะผู้ทำลาย (จบแค่นี้พอสังเขปคราวหน้าว่ากันใหม่นะครับ) และขอขอบคุณข้อมูลจาก guideubon.com ครับ
ประสาทวัดภู ที่น้องภูไม่ได้ไป 2
พระเจ้าชัยวรมันได้สร้างปราสาทวัดพู จำปาสัก พ.ศ. 893-943 เพื่อถวายพระศิวะ ปราสาทวัดพูในศิลาจารึกเรียกว่า "ลึงคปรวตา" ภูเขาอันเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ตามพงศาวดารของส่วยกล่าวว่า "อยู่ใกล้นครหลวง มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า ลิงกิยโปโป (ลิงกภาวตา) ที่ยอดภูเขามีปราสาทหลังหนึ่ง มีทหารหนึ่งพันคนรักษาประจำอยู่ ปราสาทหลังนี้ สร้างให้แก่เทพเจ้าองค์หนึ่งโดยมีการฆ่าคนเป็นเครื่องบูชายันต์ทุกๆ ปี พระเจ้าแผ่นดินได้เสด็จไปในปราสาททำพิธีบูชายันต์ด้วยพระองค์เองในเวลากลาง คืน ปราสาทวัดพู หรือวัดภู อยู่ห่างจากปากเซไปตามถนนหมายเลข 13 ลงทางใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร (ต้องนั่งแพข้ามกลับไปฝั่งขวาแม่น้ำโขง เพราะช่วงนี้ไม่มีสะพาน ค่าธรรมเนียม100 บาท หรือ 250,000 กีบ/คัน) เดินทางผ่านเมืองเก่า จำปาสัก ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงปราสาทวัดพู เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่สร้างในพุทธศตวรรษที่ 10 (เคยเป็นวัดด้วย ดังนั้น จึงมีงานประเพณีนมัสการวัดพูทุกๆ ปี ประมาณวันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งจะตรงกับงานนมัสการพระธาตุพนมพอดี)
ลักษณะของปราสาทวัดพู จะสร้างอยู่เชิงเขาลิงบรรพต ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่ว่าเทพศิวะจะต้องประทับอยู่บนเขาพระสุเมรุ
ชั้นนอกสุด เป็นบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ เมื่อใครจะมานมัสการพระศิวะต้องผ่านก่อน ซึ่งบารายนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับทะเลสีทันดอนที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุก็ได้ ในปัจจุบัน คงเหลือให้เห็นอยู่ 2 สระเท่านั้น (ติดตามต่อไป)
ลักษณะของปราสาทวัดพู จะสร้างอยู่เชิงเขาลิงบรรพต ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่ว่าเทพศิวะจะต้องประทับอยู่บนเขาพระสุเมรุ
ชั้นนอกสุด เป็นบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ เมื่อใครจะมานมัสการพระศิวะต้องผ่านก่อน ซึ่งบารายนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับทะเลสีทันดอนที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุก็ได้ ในปัจจุบัน คงเหลือให้เห็นอยู่ 2 สระเท่านั้น (ติดตามต่อไป)
วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ
ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ ความใฝ่ฝันของนักเรียนศิลปะทุกคน คือ การแสดงงาน มันหอมหวาน ดึงดูดใจ และท้าทาย ...
-
ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ ความใฝ่ฝันของนักเรียนศิลปะทุกคน คือ การแสดงงาน มันหอมหวาน ดึงดูดใจ และท้าทาย ...
-
พระราชวังสราญรมย์ เป็นวังที่ตั้งอยู่ระหว่าง พระบรมมหาราชวัง กับ วัดราชประดิษฐ์ ทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง สร้างขึ้นในสมัย พระบาทสม...