วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวเกาะแก่งใน ลาวใต้

 นางแบบกับฉากแก่งหลี่ผ๊
        น้ำตกหลี่ผี (แก่งหลี่ผี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ตามสัมพะมิตร  อยู่ในเขตดอนกอน  เกิดจากน้ำที่ไหลผ่านโขดหิน แก่งหิน 
                  คนส่วนมากจะคุ้นเคยกับชื่อหลี่ผี เพราะ มีตำนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับหลี่ผี และความอุดมสมบูรณ์
                ' หลี่' คือ อุปกรณ์จับปลาชนิดหนึ่ง  ส่วนคำว่า 'ผี' หมายถึง คนตาย  เนื่องจากร่้องน้ำของน้ำตกหลี่ผี มีกระแสน้ำไหลมารวมตัวกันมาก จนเกิดเป็นแอ่งขนาดใหญ่  น้ำจะไหลวนไปวนมาในแอ่งนั้นแล้วค่อยตกลงไปผ่านซอกและหลืบหิน  ทำให้ศพทหารอินโดจีนติดกับหลี่ของชาวบ้านแถวนั้น  น้ำตกแห่งนี้จึงมีชื่อว่า'หลี่ผี'

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประสาทวัดภู ที่น้องภูไม่ได้ไป 3

ศาลา เดิมเป็นโคปุระรูปสี่เหลี่ยมโล่ง ไม่มีประตู สร้างใกล้กับบาราย สันนิษฐานว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินมานมัสการพระศิวะ จะต้องเข้ามาโดยใช้เรือ แล้วมาขึ้นที่อาคารนี้ ในปัจจุบัน ถูกรื้อลงมาแล้วสร้างอารสมัยใหม่ขึ้นทับของเดิม เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว ที่ทรงพระราชดำเนินมานมัสการวัดพูเมื่อ พ.ศ. 2508           โรงท้าว โรงนาง หรือหอเปลื้อง เป็นอาคารลักษณะเหมือนตัวยู โดยมีทางเข้าด้านหลัง 1 ด้าน และทางออก 2 ด้านทางหน้า มีอาคารอีกหลังสร้างบังด้านหน้าเป็นรูปตัวไอ โดยมีทางเข้า เข้าด้านหน้า 1 ด้าน และทงออก 2 ด้าน ทางหลังทางออกจะตรงกันกับอาคารด้านหลังรูปตัวยูพอดี อาคารทั้งสองจะเหมือนกัน
          เทวสถาน อาคารของเทวสถานนั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีทางเข้าสามประตูด้านหน้า และอีกสองประตูด้านข้างซ้ายและขวา สองข้างอาคารเทวสถานซึ่งตามแผนผังจริงๆ จะเป็นหอคัมภีร์หรือห้องสมุด แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 1 หลังซึ่งอู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งในครั้งนี้ บริเวณปราสาทวัดพูนี้ เป็นวัดในพุทธศาสนานั้น ทางวัดได้รื้อหอพระคัมภีร์ทางด้านขวาลง และสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่  อาคารเทวสถานนี้ มีลวดลายของทับหลังที่สวยงาม และเด่นชัดทุกด้าน โดยที่ยังคงสวยงามมากแห่งหนึ่งในแถบนี้ ภายในอาคาร ได้มีการสร้างพระพุทธรูปไว้เคารพสัการะเมื่อครั้งยังเป็นวัด
  •           นอกจากจะพบกับระเบียงคตด้านหลังที่เป็นรูปตัวยู ยังมีโบราณวัตถุให้ชม ประกอบด้วย

          บ่อน้ำเที่ยง หรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี ในสมัยก่อนจะต่อท่อเอาน้ำนี้มาใช้รดบนศิวลึงค์
          หินสกัดรูปจระเข้ เกี่ยวข้องกับการบูชายันต์




          รูปตรีมูรติ ซึ่งเป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่แบ่งแยกให้เห็นว่า ในศิวลึงค์นั้นประกอบไปด้วยเทพ 3 องค์นี้ คือ พระพรหมผู้สร้าง พระนารายณ์ผู้รักษา และพระศิวะผู้ทำลาย    (จบแค่นี้พอสังเขปคราวหน้าว่ากันใหม่นะครับ)  และขอขอบคุณข้อมูลจาก guideubon.com ครับ

ประสาทวัดภู ที่น้องภูไม่ได้ไป 2

พระเจ้าชัยวรมันได้สร้างปราสาทวัดพู จำปาสัก พ.ศ. 893-943 เพื่อถวายพระศิวะ ปราสาทวัดพูในศิลาจารึกเรียกว่า "ลึงคปรวตา" ภูเขาอันเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ตามพงศาวดารของส่วยกล่าวว่า "อยู่ใกล้นครหลวง มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า ลิงกิยโปโป (ลิงกภาวตา) ที่ยอดภูเขามีปราสาทหลังหนึ่ง มีทหารหนึ่งพันคนรักษาประจำอยู่ ปราสาทหลังนี้ สร้างให้แก่เทพเจ้าองค์หนึ่งโดยมีการฆ่าคนเป็นเครื่องบูชายันต์ทุกๆ ปี พระเจ้าแผ่นดินได้เสด็จไปในปราสาททำพิธีบูชายันต์ด้วยพระองค์เองในเวลากลาง คืน           ปราสาทวัดพู หรือวัดภู อยู่ห่างจากปากเซไปตามถนนหมายเลข 13 ลงทางใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร (ต้องนั่งแพข้ามกลับไปฝั่งขวาแม่น้ำโขง เพราะช่วงนี้ไม่มีสะพาน ค่าธรรมเนียม100 บาท หรือ 250,000 กีบ/คัน)  เดินทางผ่านเมืองเก่า จำปาสัก ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงปราสาทวัดพู เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่สร้างในพุทธศตวรรษที่ 10 (เคยเป็นวัดด้วย ดังนั้น จึงมีงานประเพณีนมัสการวัดพูทุกๆ ปี ประมาณวันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งจะตรงกับงานนมัสการพระธาตุพนมพอดี)
          ลักษณะของปราสาทวัดพู จะสร้างอยู่เชิงเขาลิงบรรพต ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู-พรามหณ์ ที่ว่าเทพศิวะจะต้องประทับอยู่บนเขาพระสุเมรุ
          ชั้นนอกสุด เป็นบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ เมื่อใครจะมานมัสการพระศิวะต้องผ่านก่อน ซึ่งบารายนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับทะเลสีทันดอนที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุก็ได้ ในปัจจุบัน คงเหลือให้เห็นอยู่ 2 สระเท่านั้น (ติดตามต่อไป)

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประสาทวัดภู ที่น้องภูไม่ได้ไป

ที่เห็นนั้นเป็นปฎิมากรรมสมัยขอมโบราณ เอาไว้มาเล่าเรื่องให้ฟัง นำเรื่องไว้ก่อน

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ

ศิลปินหน้าใหม่ : เป้ สีน้ำ           ความใฝ่ฝันของนักเรียนศิลปะทุกคน คือ การแสดงงาน มันหอมหวาน ดึงดูดใจ และท้าทาย ...